จูฬโสดาบัน ๑ ( กัลยาณปุถุชนผู้แทงตลอดลำดับแห่งนามรูปปริเฉทญาณ ที่ ๑ ถึง
ลำดับโคตรภูญาณที่ ๑๓ ตามสมควร)
มหาโสดาบัน ๑ ( อริยบุคคลผู้แทงตลอดในลำดับแห่งญาณ ๑๖ โดยสมบูรณ์ )
ในบรรดาโสดาบันบุคคลทั้ง ๒ ประเภทนี้
๑. จูฬโสดาบันย่อมปิดอบายภูมิไว้ได้ ๑ ชาติบ้าง ๒ ชาติบ้าง ๓ ชาติบ้าง ตามสมควรแก่
กำลังแห่งอินทรีย์ ๕ ของแต่ละบุคคล
กล่าวคือ
จูฬโสดาบัน ผู้มีสัทธินทรีย์แก่กล้าย่อมปิดอบายภูมิไว้ได้อย่างน้อย ๑ ชาติ เป็นเบื้องต้น
จูฬโสดาบัน ผู้มีวิริยินทรีย์แก่กล้าย่อมปิดอบายภูมิไว้ได้มากชาติกว่า สัทธิทรีย์ !
จูฬโสดาบัน ผู้มีสตินทรีย์แก่กล้าย่อมปิดอบายภูมิไว้ได้มากชาติกว่า วิริยินทรีย์ !
จูฬโสดาบัน ผู้มีสมาธินทรีย์แก่กล้าย่อมปิดอบายภูมิไว้ได้มากชาติกว่า สตินทรีย์ !
จูฬโสดาบัน ผู้มีปัญญินทรีย์แก่กล้าย่อมปิดอบายภูมิไว้ได้มากชาติกว่า สมาธิทรีย์ !
๒. มหาโสดาบันย่อมปิดอบายภูมิได้โดยเด็ดขาด กล่าวคือ ไม่หวนกลับไปบังเกิด
ใน อบาย ( เดรัจฉาน ) , ทุคติ ( เปรต ) , วินิบาต ( อสุรกาย ) , นิรยะ ( นรก )
เหตุนี้ มหาโสดาบันจึงได้นามว่า "ผู้ข้ามโคตรแล้ว" เพราะ ย่อมไม่หวนกลับไป
สู่ " เหฏฐิมสงสาร " อันเป็นสงสารเบื้องต่ำของภูมิปุถุชนอีกต่อไป
จากพระอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉทที่ ๑ อภิธรรมมูลนิธิ
พระโสดาบันจำแนกได้ ๓ พวก
๑. เอกพิชีโสดาบัน เป็นพระโสดาบันที่มีพืชกำเนิดอีกเพียงหนึ่งคือ พระโสดาบันผู้นั้นจะต้องปฏิสนธิเป็นมนุษย์หรือเทวดาอีกชาติเดียวก็บรรลุอรหัตตผล
๒.โกลังโกลโสดาบัน คือพระโสดาบันผู้ต้องปฏิสนธิเป็นมนุษย์หรือเทวดาอีก ในระหว่าง ๒ ถึง ๖ ชาติ จึงจะบรรลุอรหัตตผล
๓.สัตตักขัตตุปรมโสดาบัน คือพระโสดาบันผู้ต้องปฏิสนธิอีกถึง ๗ ชาติ จึงจะบรรลุอรหัตตผล
ที่แตกต่างกันเช่นนี้ เป็นเพราะอินทรียแก่กล้าไม่เท่ากัน จึงทำให้ความมุ่งมั่นในการบรรลุอรหัตตมัคคอรหัตตผลใช้เวลานานไม่เท่ากันไปด้วย แต่อย่างไรก็ดีพระโสดาบันก็ไม่ต้องปฏิสนธิในชาติที่ ๘ เพราะแม้จะเป็นผู้เพลิดเพลินมีความประมาทอยู่บ้าง ก็ต้องบรรลุอรหัตตผลในชาติที่ ๗ แน่นอน
แต่ยังมีพระอริยโสดาบันอีกประเภทหนึ่ง ที่ไม่นับรวมอยู่ในพระอริยโสดาบัน ๓ ประเภทที่กล่าวมานั้น
พระอริยโสดาบันประเภทนี้เรียกว่า “ วัฏฏาภิรตโสดาบัน “ เป็นอริยโสดาบันที่มีอัธยาศัยยังยินดีพอใจในวัฏฏะ
ปรารถนาที่จะเที่ยวปฏิสนธิไปในเทวโลกทั้ง ๖ ชั้นตลอดไปจนถึง อกนิฏฐภพ ดังปรากฏในบุคคลบัญญัติอรรถกถาว่า
ยังมีพระโสดาบันบางจำพวกมีอัธยาศัยยินดีพอใจในวัฏฏะท่องเที่ยวไปปรากฏในวัฏฏะบ่อยๆ ชนเหล่านั้นคือ อนาถบิณฑิกเศรษฐี วิสาขาอุบาสิกา จูฬรัตถเทพบุตร มหารัตถเทพบุตร อเนกวรรณเทพบุตร ท้าวสักกเทวราช นาคทัตตเทพบุตร ท่านเหล่านี้ ยังมีอัธยาศัยยินดีพอใจในวัฏฏะ กระทำเทวโลกทั้ง ๖ ให้หมดจด ตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว ก็จะดำรงอยู่ใน อกนิฏฐภพ จึงจะปรินิพพาน พระโสดาบันเหล่านี้ ท่านไม่ประมวลเข้าในสัตตักขัตตุปรมโสดาบัน
(พระอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉทที่ ๑ ตอนที่ ๒ จิตปรมัตถ์ หน้า ๘๕ ของอภิธรรมมูลนิธิ)
....................................................
สรุป
จูฬโสดาบัน คือ กัลยาณปุถุชนผู้แทงตลอดลำดับแห่งนามรูปปริเฉทญาณ ที่ ๑ ถึง ลำดับโคตรภูญาณที่ ๑๓ ตามสมควร
(ยังไม่เป็น อริยบุคคล ปิดอบายภูมิไม่ได้อย่างถาวร)
วัฏฏาภิรตโสดาบัน เป็นอริยโสดาบันที่มีอัธยาศัยยังยินดีพอใจในวัฏฏะ (เป็นพระอริยบุคคล ปิดอบายภูมิได้ ) เช่น อนาถบิณฑิกเศรษฐี วิสาขาอุบาสิกา จูฬรัตถเทพบุตร มหารัตถเทพบุตร อเนกวรรณเทพบุตร ท้าวสักกเทวราช นาคทัตตเทพบุตร
.....................................................
ภพภูมิเป็นเรื่องของวิบากหรือผลของกรรมที่จะพาให้ผู้นั้นไปเกิดเป็นอะไรต่างๆ "
ในพระพุทธศาสนา เรียกว่า " ฐานภูมิ " ( อ่านว่า ฐา - นะ - ภูมิ ) ครับ !
"...ภูมิจิตภูมิธรรม เป็นคุณลักษณะของจิต "
ในพระพุทธศาสนา เรียกว่า " อาวัตฐานภูมิ " ( อ่านว่า อา-วัต - ฐา - นะ - ภูมิ )
Tuesday, January 1, 2008
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
1 comment:
บรรลุถึงวิปัสสนาญาณที่ 2 ครับ - - ไปเอามาจากไหนว่า 1-13 พระไตรปิฎกยังเขียนเลยว่า ถึงญาณที่ 2 ปัจจัยปริคคหญาณ คือรู้เหหตุผลของรูปนามว่าเกิดจากอะไร รู้ด้วยใจนะครับไม่ใช่ไปฟังๆเขามา แต่คนที่ฟังแล้วได้นี่ผมก็ไม่รู้ว่ามีไหมนะครับ เพราะผมก็ผ่านไปแล้วตอนฟังก็เข้าใจอยู่แล้ว http://www.dhammahome.com/webboard/topic/11157
Post a Comment